เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๔ มี.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะนะ วันนี้วันพระ วันพระวันทำบุญกุศลในพระพุทธศาสนา ในพระพุทธศาสนา ทำไมถึงต้องทำบุญในพระพุทธศาสนา เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาไง

 

พอเกิดมาพบพระพุทธศาสนานะ เวลาครูบาอาจารย์ที่ท่านประพฤติปฏิบัติท่านจะเห็นคุณค่ามาก อย่างเช่นเวลาหลวงตาท่านตรัสรู้ธรรม ท่านกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบแล้วกราบเล่า เพราะท่านอยู่ในป่า เวลาท่านกราบท่านกราบระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในใจของท่าน ท่านกราบด้วยความซาบซึ้ง ท่านกราบด้วยน้ำหูน้ำตา น้ำตาที่ชำระล้างภพ ชำระล้างชาติ ไม่ใช่น้ำตาแบบเราไง

 

น้ำตาแบบเรา น้ำตาแบบตรอมตรมไง ทุกข์ตรมในหัวใจไง น้ำตาอย่างนี้ไม่มีประโยชน์ไง น้ำตาไม่มีประโยชน์ เห็นไหม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่ามนุษย์ที่เกิดมา ถ้าเก็บน้ำตาไว้ที่ร้องไห้ทุกภพทุกชาติ น้ำทะเลนี้สู้ไม่ได้ เพราะการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันไม่มีต้นไม่มีปลายไง

 

ทีนี้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มนุษย์ต่างจากสัตว์เพราะมีศีลมีธรรมไง ถ้ามีศีลมีธรรม เราส่งเสริมกัน ปู่ย่าตายายของเราเป็นผู้ฉลาด เลือกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ปู่ย่าตายายของเราเป็นผู้ที่ฉลาด ส่งต่อมรดกตกทอดมาถึงพวกเราไง แล้วพยายามจะส่งเสริมๆ

 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ รัชกาลที่ ๑๐ ท่านพยายามส่งเสริมพระพุทธศาสนา ส่งเสริมพระพุทธศาสนาไง ถ้าส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประชาชนมีศีลมีธรรมในหัวใจนะ ประชาชนมีความสุข ประชาชนไม่เบียดเบียนกัน ประชาชนไม่ทำร้ายกัน

 

กฎหมายเขาเอาไว้ปกครองคุ้มครอง นี่ไง เวลาผู้ที่ฉลาดๆ เขาพยายามฟื้นฟูๆ ไง พอฟื้นฟูขึ้นมามันก็เป็นวัฒนธรรม วัฒนธรรมมันก็เป็นความดีอันหนึ่งๆ เวลานักขัตฤกษ์ขึ้นมา อู๋ย! เราขวนขวายกัน เราทำบุญกุศล เราขวนขวายกันๆ นั่นมันเป็นประเพณีวัฒนธรรมนะ ถ้าเป็นประเพณีวัฒนธรรม เราเอาเด็กๆ มาวัด มันน่าชื่นใจๆ แต่ฟังเทศน์ๆ มันฟังไม่เป็นหรอก มันฟังไม่ได้ มันฟังไม่ได้ เรากำจัดวงเขาหน่อยหนึ่ง เพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมๆ ไง ประโยชน์ส่วนรวมขึ้นมา เห็นไหม

 

เวลาเขาโตขึ้นมาเขาก็ต้องรู้ถึงความผิดชอบชั่วดีเป็นเรื่องธรรมดา แต่เด็กมันยังรับรู้ไม่ได้ เราเป็นผู้คุ้มครองดูแล เวลาถ้าเราจะดุ เราจะดุผู้ใหญ่ เราไม่ดุเด็ก เพราะผู้ใหญ่มันพามา ผู้ใหญ่มันต้องฉลาดกว่าเด็ก ผู้ใหญ่ต้องฉลาดกว่าเด็ก ผู้ใหญ่เราต้องฝึกต้องสอนเขาสิ มารยาท

 

ถ้ามันมีพื้นฐานของความมีมารยาทนะ ความคิดมันจะดีงามมาตลอดไง ความคิดมันจะไม่เบียดเบียนคนอื่น มันไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ถ้ามันมีมารยาท มีความผิดชอบชั่วดีในใจ ถ้ามันไม่มีมารยาทนะ มันเหยียบหัวผู้ใหญ่ไปนะ มันเหยียบย่ำเขาไปทั่วแหละ นี่ความคิดใหม่ ความคิดเลอเลิศ นี่ไง เวลาฝนตก ถ้าฝนตกมากเกินไปก็น้ำท่วม ฝนแล้งก็ไม่มีประโยชน์กับใครทั้งสิ้น

 

พระพุทธศาสนาเราส่งเสริมให้มันเจริญงอกงามขึ้นมา ฟื้นฟูกัน ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา คนก็เห่อเหิมกัน เวลาเห่อเหิมไปมันก็ต้องมีการทำนะ เวลาพวกที่แก่เฒ่า ข้าราชการเกษียณ เวลาเกษียณแล้วเขาอยากทำไร่ทำนา เขาอยากทำไร่ อยู่กับอากาศบริสุทธิ์ไง

 

เราฟังลูกศิษย์เขามาเล่าให้ฟังเยอะแยะ ไปซื้อที่กันที่เมืองจันท์ แล้วก็ไปลงทุนลงแรงกัน ทำสวนๆ เขาบอกว่า “หลวงพ่อ ลงทุนไปแปดหมื่น ค่าปุ๋ยต่อปีนะ ขายได้สองพัน”

 

เราก็อยากได้อย่างนั้นน่ะ เราอยากทำสวน อยากอยู่อากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ไง เราคิดได้ใช่ไหม เราคิดได้ เราเห็นได้ เราเห็นชาวไร่ชาวนาเขาทำ ชาวไร่เขาทำประสบความสำเร็จของเขา เขามีวัฒนธรรมของเขา เขาทำเป็นของเขา ไอ้เราก็อยากทำอย่างนั้น เราก็คิดได้

 

นี่ก็เหมือนกัน ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ศีล สมาธิ ปัญญา การประพฤติปฏิบัติขึ้นมา คิดได้ทั้งนั้นน่ะ ใครก็คิดได้ จินตนาการได้ นี่ไง เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติเกือบเป็นเกือบตายนะ เวลาเกือบเป็นเกือบตายขึ้นมา หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่นท่านทำของท่านมา ทำจนเป็นที่เชื่อถือของสังคม สังคมก็คิดได้ คิดได้ก็อยากกระทำไง ลงทุนทำสวนไง ลงทุนไปแปดหมื่น ขายได้สองพัน มันทำไม่เป็น แต่เราก็อยากได้ไง

 

เวลาทำไร่ทำสวน คนที่เขาทำสวนเขาดูแลของเขา เห็นไหม เวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รดน้ำที่โคน ดูที่โคนต้น ดูที่ต้น ดูที่โคนต้น เวลามันออก มันออกที่ปลาย นี่ไง เขาไม่มาดูที่ปลาย

 

ไอ้เราไปดูที่ผลกันไง โครงการสำเร็จหมด มรรคผลนิพพานหยิบเอาเลย ทุกอย่างมีพร้อมหมดทั้งนั้นน่ะ แล้วมันได้ไหม มันไม่ได้หรอก เพราะทำไม่เป็น แล้วทำไม่เป็นไปทำ อยากทำ อยากทำนะ เราส่งเสริมกัน พระพุทธศาสนา เราส่งเสริมกันทำคุณงามความดี ศีล สมาธิ ปัญญา

 

ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าคนมีปัญญาขึ้นมา จะทำสิ่งใดไม่ตกไปในที่ชั่ว ไม่ตกไปที่ต่ำต้อย ถ้ามันมีสัมมาสมาธินะ มีสัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องดีงามขึ้นมา มันจะเปลี่ยนชีวิตของเราให้ดีงามทั้งนั้นน่ะ ถ้าความดีงามๆ อันนั้น ถ้าดีงาม ถ้าจิตมันส่งเสริมขึ้นไป ดีงามจนวางไว้ได้นะ วางสิ่งที่เป็นสมบัติโลกๆ เราจะเอาสมบัติความจริงในใจของเรา เราจะเอาสมบัติความจริงไง นี่มันจริงตามสมมุติๆ ไง

 

หัวโขน โลกเขาก็ว่ากัน โลกนี้คือละครๆ แต่โลกนี้คือละคร เรามาเล่นตามบทไหน ถ้าเล่นบทไหนนะ ใครเป็นผู้กำกับ กิเลส ความอยากได้อยากดี ความต้องการมันกำกับ แล้วเราจะต่อสู้มันอย่างไร ถ้าเราจะต่อสู้กับมัน ความดีงามของเรา พันธุกรรมของจิตๆ

 

ใครปลูกทุเรียนก็ได้ทุเรียน ถ้าเวลาปลูกขึ้นมามันแล้งขึ้นมา ทุเรียนตาย ไม่ได้ทุเรียนสักต้นหนึ่ง ต้นมันยังตายเลย จะเอาผลที่ไหน แต่ถ้าใครปลูกแล้วดูแลดีงาม ใครปลูกทุเรียนก็ได้ทุเรียน ใครปลูกส้มก็ได้ส้ม ใครปลูกสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น

 

นี่ก็เหมือนกัน จริตนิสัยของเรา เรามาตัดแต่งพันธุกรรมของมันให้ดีงามด้วยบุญกุศล วันนี้วันพระ เรามาเสียสละกัน เรามาทำบุญกุศลของเรา เราจะรู้หรือไม่รู้ ผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อเขาทำด้วยหัวใจของเขา เขาทำด้วยความชุ่มชื่นของเขา

 

เด็กเกณฑ์มันมา ดึงมันมา ดึงมันมา “ทำไมต้องเดือดร้อน ทำไมต้องเดือดร้อน” มีเด็กๆ วัยรุ่นมันก็อยากจะไปตามความพอใจของมันทั้งนั้นน่ะ แต่พ่อแม่เขาก็พยายามจะบังคับให้มันไปวัด พอเวลาไปวัดไปทำบุญกุศล นั่นน่ะตัดแต่งพันธุกรรมของมันไง มันดื้อ มันไม่พอใจ มันขัดข้องในใจของมันทั้งนั้นน่ะ ความไม่พอใจ ความขัดข้องหมองใจ ถ้ามีสติปัญญาดัดแปลงตัดแต่งมันไง ตัดแต่งให้มันดีงามขึ้นมา ทำให้มันดีงามขึ้นมา ทำให้มันจนมันเห็นผลไง เห็นผล

 

นี่ไง อนาถบิณฑิกเศรษฐี เศรษฐีนะ เอาเงินปูซื้อที่สร้างวัดเลยล่ะ ตัวเองได้พระโสดาบันไง แต่ลูกมันต่อต้านๆ นี่จ้าง จ้างให้ไปฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จ้างให้ไปฟังธรรม พอจ้างไปถึง กลับมาแบมือเอาตังค์ๆ

 

พ่อฉลาดนะ นี่พ่อฉลาด อ้าว! คราวนี้จะให้เป็นสองเท่า ฟังว่าพระพุทธเจ้าพูดว่าอะไร แล้วเอามาบอกวันละคำ

 

พอไปวัดกลับมาเอาตังค์ มาถึงแบมือเลย พอไปฟังแล้วจะเอาเนื้อความ พอฟังเอาเนื้อความ ฟังธรรม พันธุกรรมของมันได้ตัดแต่ง พันธุกรรมของมันได้แก้ไข พอมันแก้ไข พอฟังธรรม ธรรมมันสะเทือนหัวใจไง

 

พ่อเลี้ยงมาตีนเท่าฝาหอย พ่อแม่เลี้ยงมา พ่อแม่ดูแลมา พ่อแม่จะโง่ขนาดนั้นหรือ ถ้าพ่อแม่โง่ขนาดนั้น พ่อแม่จะสร้างฐานะขึ้นมาได้อย่างไร พ่อแม่เลี้ยงเรามาจนเป็นหนุ่ม จนจะแก่เฒ่า ยังต่อต้านๆ อยู่นั่น พอคิดไปฟังไปนะ โอ้โฮ! มันสะเทือนหัวใจ บรรลุเป็นพระโสดาบันนะ

 

พอบรรลุเป็นพระโสดาบัน กลับไปที่บ้าน ธรรมดาไปฟังธรรมกลับมาแบมือเลย เอาตังค์มาๆ วันนั้นอนาถะเขารู้แล้วไง เดี๋ยวลูกมันจะไถตังค์ ถ้าไม่ให้มันเดี๋ยวมันจะไม่ไปอีก เตรียมตังค์ไว้เลย เอ๊! วันนี้ทำไมลูกมันไม่มา ทำไมไม่มา

 

ไม่มาก็ให้คนไปตามมา บอกมาเอาตังค์สิ

 

โอ๋ย! มันอายไง คนเราพอมันรู้แล้ว เลี้ยงมาตีนเท่าฝาหอย อบรมบ่มเพาะมาทั้งหมด ทรัพย์สมบัติที่หามาก็หามาไว้ให้ใคร ทุกคนดูแล ถ้าพอมันคิดได้ โอ๋ย! มันเศร้าใจนะ ไม่เอาตังค์ ตังค์ไม่เอา ไม่กล้าเอา อาย นี่พันธุกรรมของมันได้ตัดแต่งๆ ถ้ามันตัดแต่งได้จริงนะ

 

ถ้าตัดแต่งได้จริงคือชาวสวน ชาวสวนเขาปลูกของเขาได้จริง เขาดูแลต้นไม้ของเขาได้จริง มันได้ทุเรียนจริงๆ ขึ้นมาไง ไอ้เราก็มีโครงการใหญ่โตเลย ซื้อปุ๋ยแปดหมื่น ขายได้สองพัน ไม่ได้เรื่อง ทำไม่เป็นหรอก ทำไม่เป็นก็ต้องฝึกหัดสิ

 

ทำไม่เป็น อ้าว! ทำไม่เป็นใช่ไหม เดี๋ยวนี้ปัญญาชนทำไม่เป็นก็ไปซื้อเอาไง ทุเรียนจะเอาเท่าไร สั่งได้หมดเลย...ก็เอ็งสั่งเอาไง

 

นี่ไง เกิดมาเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดเป็นมนุษย์มีกายกับใจๆ นี่สั่งเอา จริงตามสมมุติไง มันจริงทั้งนั้นน่ะ สั่งเอาก็ได้ ทำอะไรก็ได้ ได้ทุเรียนจริงๆ เอ็งปลูกเป็นหรือเปล่าล่ะ เอ็งทำได้หรือเปล่า เอ็งได้แต่กินทุเรียนไง เอ็งยังไม่เห็นต้นทุเรียนเลย เอ็งยังไม่เห็นทุเรียนเวลามันออก เวลาลมมันพัด ชาวสวนเวลาลมพัดแรงๆ มันพัดปลิวเอาผลเอาดอกทุเรียน ดอกอ่อนไป ชาวสวนเขาทุกข์ตรอมใจขนาดไหน เวลาที่เขาดูแล ฝนตกฟ้าร้อง เขาต้องดูทุเรียนของเขา เขาต้องพยายามปกป้องทุเรียนของเขา กว่าทุเรียนมันจะโตขึ้นมาเป็นลูกที่เอามาขายให้เอ็งสั่งซื้อมานั่นน่ะเอ็งรู้ไหม ถ้ามันไม่รู้ มันสั่งเอาไง นี่ไง โลกนี้เจริญๆ ไง

 

“เดี๋ยวนี้ธรรมะมันเรียบง่าย อะไรก็ได้ทั้งนั้นน่ะ”...ได้อะไร ได้สั่งเอาใช่ไหม

 

เวลากฎระเบียบมันเข้มงวด อาหารสำเร็จรูปที่ในศูนย์การค้ามันต้องมีวันเวลาของมัน กำหนดวันหมดอายุ หมดอายุ ๓๐ เปอร์เซ็นต์เหลือทิ้ง อาหารที่ขายกันในท้องตลาด ๓๐ เปอร์เซ็นต์ทิ้ง จนเดี๋ยวนี้ฝรั่งเศสประเทศแรกออกกฎหมายแล้ว ห้ามทิ้ง ที่เหลือ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ต้องให้ไปบริจาคในที่คนข้นแค้น

 

กฎระเบียบมันมีมาเพื่ออะไร เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค แต่ในระบบมันจะมีเหลือทิ้งๆ ของมัน นี่ไง เอ็งสั่งซื้อใช่ไหม เอ็งสั่งเอาได้ตามใจชอบใช่ไหม ธรรมะเอ็งจะเอาได้อย่างนั้นเลยหรือ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่มันเป็นไปได้เพราะเราเป็นจริงตามสมมุตินี่ไง จริงตามสมมุติคือเอ็งเกิดมาเป็นมนุษย์ไง เพราะเอ็งเกิดเป็นมนุษย์ เพราะบุญกุศลที่เอ็งได้สร้างมาไง เพราะเอ็งได้สร้างมา เอ็งถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์มีกฎหมายคุ้มครองไง เอ็งไปเกิดเป็นสัตว์ ไปเกิดเป็นไก่สิ อยู่ในฟาร์ม ๔๐ วันเชือด ลองไปเกิดเป็นไก่ กฎหมายคุ้มครองเอ็งไหม

 

เพราะเอ็งมาเกิดเป็นมนุษย์นี่ไง เอ็งได้เห็นบุญกุศลไหม เอ็งได้สัจจะความจริงไหม ถ้าความจริงมันเกิดขึ้นมาอย่างนี้ ถ้าเราศึกษา เราใคร่ครวญ นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาที่ใจของเรานี่ไง

 

วันนี้วันพระ วันพระผู้ประเสริฐคือหัวใจมันประเสริฐ หัวใจของคนนั่นน่ะ คนจะทำดี ทำชั่ว ทำมาจากหัวใจของตน ทำมาจากความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึกนึกคิดนี้เกิดขึ้นมาจากภวาสวะ คือภพ คือปฏิสนธิจิต ปฏิสนธิจิตเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะปฏิสนธิจิตขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์มีกายกับใจ มีความรู้สึกนึกคิด แม้แต่คนละภาษามันยังพูดต่างภาษากันเลย เวลาจิตนี้เกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดในนรกอเวจี

 

เขาบอกว่า อย่าเขียนเสือให้วัวกลัว อย่าเอานรกสวรรค์มาขู่

 

สวรรค์ในอก นรกในใจ เวลามันตกนรกเป็นๆ มันทุกข์กลางหัวใจนี่ คนเรานะ เวลาเจ็บช้ำน้ำใจเจ็บปวดเจ็บแสบมาก ด้วยมารยาท เก็บไว้ในหัวใจ น้ำตาตกใน อย่าให้มันไหลออกมา เสียมารยาท เวลามันเจ็บช้ำน้ำใจนั่นน่ะนรกในใจ

 

เวลามันมีสวรรค์นะ สวรรค์ในอก สวรรค์ ถ้ามันมีสติมีปัญญา ถ้าเราศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การได้เห็นสมณะเป็นมงคลชีวิตๆ ใครๆ ก็อยากไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เวลาออกพรรษาแล้ว พระได้กรานกฐินแล้วจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเฝ้าเพื่ออะไร ไปเฝ้าเพื่อรายงานผลในการปฏิบัติไง แล้วถ้าใครมีอะไรติดขัด ขัดข้อง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะให้อุบายไง เห็นไหม ได้เห็นสมณะๆ ไง การได้เห็นสมณะเป็นมงคลชีวิตไง

 

คนที่เขามีสติมีปัญญาของเขา เขารู้จักสมณะ เขาใฝ่หาของเขา ไอ้คนที่ไม่รู้จักสมณะ เจอพระแล้ววิ่งหนีเลย สมณะขี้ขอ ขอจนบริษัท ๔ กลัว ใครๆ ก็ขอ มาก็แบมือ ไปก็แบมือ ไอ้เราก็ทำมาหากินเกือบตาย มาอีกแล้ว ไอ้สมณะขี้ขอ

 

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นแบบนั้น เป็นผู้ให้ ที่ไหนมีภัยพิบัติ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พระสารีบุตรไปสวดมนต์ ไปสวดมนต์ขอฝนให้ฝนชำระล้างซากศพคนตายลอยกลาดเกลื่อนออกไป ทำลายเชื้อโรค นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ไม่ใช่สมณะขี้ขอ

 

สมณะขี้ขอเพราะอะไร เพราะเกิดเป็นมนุษย์ไง เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนา เกิดเป็นภิกษุ ภิกษุเป็นผู้ขอๆ ไง ผู้ขอเขาขออะไร เขาขอมรรคขอผลนะเว้ย สมณะเห็นภัยในวัฏสงสาร เขาบวชมา ภิกขาจาร ไม่มีอาชีพ ห้ามมีอาชีพ เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง ภิกษุจะใช้ชีวิตแบบคฤหัสถ์ไม่ได้ เขาไม่ได้ทำสวนทำนา

 

ถ้าไม่ได้ทำสวนทำนา เวลาไม่ได้ทำสวนทำนา เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง บิณฑบาตมา ภิกขาจาร ได้สิ่งใดมาก็เลี้ยงชีพด้วยสิ่งนั้น เวลาจะทำไร่ทำนาขึ้นมาก็ทำในหัวใจไง ศีล สมาธิ ปัญญาไง สมาธิเป็นผาล ปัญญาเป็นแอกไถเข้าไปในหัวใจของตน ไถเข้าไปที่กิเลสตัณหาความทะยานอยาก ทำลายอวิชชาในใจของตน เพื่อจะไปเฝ้าสมณะไง เพื่อจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตไง ตถาคตที่เป็นความเป็นจริงไง เวลาประเสริฐ ประเสริฐที่หัวใจนี้ไง สมณะจริงๆ มันอยู่ที่นี่ สมณะจริงๆ มันอยู่ในหัวใจนั้น หัวใจที่สงบระงับนั้น นั่นคือสมณะที่แท้จริงไง

 

แล้วเราเกิดมา เราเกิดเป็นมนุษย์นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ นะ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราก็เป็นอุบาสกและอุบาสิกา มีสิทธิเสรีภาพ มีสิทธิที่จะฟื้นฟูหัวใจของเรา มีสิทธิจะให้เราฉลาดนะ ธรรมะเป็นการกระทำให้ผู้ที่ฉลาด

 

เวลาเราเกิดมา เราอยากให้ลูกหลานเราเป็นผู้ที่ฉลาด เวลาผู้ที่ฉลาด ให้นั่งลง แล้วลมหายใจเข้าให้นึกพุท ลมหายใจออกนึกโธ ให้เขามีสติปัญญาควบคุมตัวเขาได้ ไม่ตื่นเต้นไปกับอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์รุนแรง อารมณ์กระตุ้น มันทำให้เราสั่นไหว

 

ถ้ามันกดดันมากมันจะเครียดนะ นั่งลงแล้วหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ทำความสงบของใจ ไม่ให้ตื่น ไม่ให้ตื่นเต้นไปกับอารมณ์ของตน สงบระงับเข้ามา อะไรที่มันฉุดกระชาก พยายามไว้ กดไว้ กดไว้ก่อน ใหม่ๆ ฝึกหัด พอต่อไปมันจะเป็นของมัน มันทำของมันได้

 

นี่ไง ทุกคนปรารถนาให้ลูกหลานเราเป็นคนที่ฉลาด ปรารถนาให้ลูกหลานเราเป็นคนดีไง คนดีก็ขอให้เขาเป็นผู้ที่ฉลาด ให้เขาเป็นคนที่ควบคุมตัวเขาได้ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นี่ไง ถ้ามันทำตนได้ ปัญญามันจะเกิดที่ตรงนั้น ถ้าปัญญาเกิดที่ตรงนั้น ลูกหลานเราก็เป็นผู้ที่ฉลาด ไม่เป็นเหยื่อของใคร ไม่เชื่อใครง่ายๆ ไม่ให้ใครหลอกลวง

 

เอาใจไว้ในหัวอกของเรา เป็นผู้ฉลาดขึ้นมา เราก็ฉลาดขึ้นมา ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าฉลาดมาแล้วฝึกหัดขึ้นมา สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ สิ่งที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ คุณงามความดียังมีอีกมากมายมหาศาล คุณงามความดีที่เราจะไขว่คว้ามาให้หัวใจของเรานะ

 

ไม่ใช่คุณงามความดีจะไปโชว์ใครหรอก ไม่ต้องไปอวดใคร ไม่มีใครยอมรับใคร แต่หัวใจเรามันยอมรับความดี ความจริงที่มันเกิดขึ้นกลางหัวใจ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ความดีที่กิเลสปฏิเสธไม่ได้ ความดีที่กิเลสมันลบล้างไม่ได้ ความดีที่เราสร้างขึ้นมาของเรา เหยียบย่ำมันลงไป นี่ความดีอย่างนี้ เราต้องการความดีอย่างนี้ ถ้าต้องการความดีอย่างนี้ มันเป็นสัจจะเป็นความจริง ทั้งๆ ที่เป็นนามธรรมนะ

 

โลกเขาแสวงหาแต่วัตถุกัน วัตถุมันเป็นอนิจจัง สิ่งใดมันแปรปรวนตลอดเวลาถึงเป็นอนิจจัง แต่เวลาเป็นไตรลักษณ์ๆ มีการเกิดขึ้น การเกิดขึ้นคือจิตที่มันสงบ จิตที่มีคุณงามความดี จิตที่มันสงบระงับเข้ามา จิตที่มันปล่อยวางอารมณ์ โลกียปัญญา โลกียปัญญาจนมันสงบเข้ามา ถ้ามันไปเห็นสติปัฏฐาน ๔ มันเกิดขึ้น

 

ตั้งอยู่คือการวิปัสสนา การใช้ปัญญาของเรา เวลามันย่อยสลายไป นี่ไตรลักษณ์ ถ้าเป็นความจริงเป็นอย่างนี้ สิ่งที่เป็นนามธรรมๆ มันยังมีคุณค่ามากกว่า มากกว่าเพราะมันเป็นสมณะ มันเป็นความจริง แล้วความจริงเกิดที่นี่ แล้วเกิดที่นี่เป็นอกุปปธรรม

 

มีคนถามบ่อยนะว่า ทำไมเทวดาจากเยอรมัน เทวดาจากฝรั่งเศส ทำไมต้องไปฟังเทศน์หลวงปู่มั่น เทวดาจะฟังเทศน์หลวงปู่มั่น นี่ไง เพราะใจเป็นสมณะไง

 

เราเปรียบเหมือนในที่มืดมีดวงไฟดวงหนึ่งที่สว่างไสว เราก็รู้ได้ว่าที่นั่นสว่างไสว ในหัวใจของเรามีแต่กิเลส มีแต่ความมักมากอยากใหญ่ มีแต่การอิจฉาริษยา จิตใจของครูบาอาจารย์ของเรา จิตใจของหลวงปู่มั่นท่านปล่อยวางหมดแล้ว สว่างไสวในกลางใจนั้น เทวดาเขาไปที่นั่น เทวดาเขาไปฟังเทศน์คนที่จิตใจไม่อิจฉาริษยาใคร ไม่ยกตัวข่มท่าน ไม่มีความยิ่งใหญ่

 

สูงสุดสู่สามัญ รวงข้าวน้อมลงต่ำ จิตใจที่เป็นความจริงอ่อนน้อมถ่อมตนกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่แข็งแกร่ง กล้าหาญ จะเหยียบย่ำกิเลส เหยียบย่ำกิเลสในหัวใจของเรา แต่อ่อนน้อมถ่อมตนกับธรรมวินัย อ่อนน้อมถ่อมตนกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอวัง